นับว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะที่สุดแล้วสำหรับเกียในการสร้างเอสยูวีรุ่นใหม่หลังจากที่เปิดตัวรถรุ่นสปอร์เทจในปี 2537 ก็นับว่าประสบความสำเร็จในหลายๆ ด้าน ทั้งทางด้านยอดขายและการแข่งขัน รวมเวลาได้ 7 ปี จนกระทั่งมีโครงการผลิตเอสยูวีรุ่นใหม่ขึ้น คันนี้คือ Kia Sorento เปิดตัวในเกาหลีใต้ และเริ่มไลน์การผลิตเมื่อต้นปี 2545 ทั้งผลิตขายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ตั้งแต่ภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ โอเชียเนีย ยุโรป อาฟริกา และอเมริกาทุกภูมิภาค เกียได้จัดให้รถคันนี้เป็นพรีเมี่ยมเอสยูวีสมบูรณ์แบบระดับโลก เรามาทำความรู้จักกันเลยดีกว่าครับ 

มาเข้าเรื่องกันที่รูปลักษณ์ภายนอกกันก่อนเลยครับ จะเห็นได้ว่าทั้งคันจะมีขนาดโตกว่าสปอร์เทจอย่างเห็นได้ชัด รูปทรงทันสมัย สวยเฉี่ยวตลอดคัน และมีข้อต่างคือ ถ้าเป็นโมเดลที่มีจำหน่ายในเกาหลีก็จะมีจุดต่างจากรุ่นสำหรับผลิตส่งออกเพียงเล็กน้อย กล่าวคือ สัญลักษณ์ใหม่ของเกียซึ่งพบได้เฉพาะในเกาหลีใต้เท่านั้น และจะไม่มีแร็คหลังคา ในขณะที่รุ่นที่ส่งออกต่างประเทศจะมีแร็คหลังคา ใช้สัญลักษณ์เดิมของเกีย ส่วนจุดอื่นๆ ที่เหมือนกันคือ ไฟหน้าแบบใหม่ติดไฟเลี้ยวแบบชิ้นเดียว ดีไซน์สวยสด คม เท่ โดยที่ไฟบริเวณกันชนหน้าทั้ง 2 ดวงจะเป็นสปอตไลท์ช่วยส่อง มีไฟไซด์มาร์คสีขาวบริเวณด้านข้างรถบริเวณก่อนถึงประตู สังเกตที่บริเวณใต้ไฟหน้าสำหรับรุ่นท็อปโมเดลจะมีที่ฉีดล้างไฟหน้าเป็นอุปกรณ์พิเศษ โดยรวมแล้วมองด้านหน้ารถจะเห็นได้ว่าหน้าใหญ่ เพราะดูย่อมทั้งกันชนหน้าและกระจังหน้า เมื่อได้เห็นบริเวณท้ายรถจะเห็นได้ว่า ยางอะไหล่จะถูกเก็บไว้ใต้ตัวรถ เพราะด้านท้ายเราจะสามารถเห็นไฟหน้า กรอบป้ายทะเบียน และกันชนท้าย ถูกจัดแต่งให้ดูมีระเบียบไม่เกะกะ ไฟท้ายสีแดง-ขาว มีขนาดใหญ่พิเศษเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ตามหลัง ผนวกกับไฟเบรคบริเวณเหนือกระจกหลังรถ

Sorento ทุกคันจะเป็นสีทูโทนหมด เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมโป่งข้างไม่ได้เป็นสีเดียวกับตัวรถ จะเห็นบ่อยก็คงจะเป็นสีตัวรถกับสีเทา แต่ถ้าชอบหรูก็เปลี่ยนเป็นสีตัวรถกับสีทองได้ สีตัวรถจะมีให้เลือกทั้งหมด 8 สี และโทนให้เลือก 2 สี สีเทาเข้มกับสีทอง

ห้องโดยสาร อาจดูเหมือนสลับซับซ้อน แต่ถ้าได้รู้ก็จะรู้ว่า Sorento คันนี้เขาจัดทุกอย่างโดยเป็นระบบหมด เมื่อได้เข้าไปข้างในก็จะเห็นว่า ห้องโดยสารเป็นแบบ 3 ตอน รวมทั้งหมด 7 ที่นั่ง ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้มากแบบซึ่งเป็นคุณสมบัติมาตรฐานใหม่สำหรับรถเอสยูวียุคนี้ แต่ถ้าเป็นรุ่นที่ผลิตส่งออกจะไม่มีที่นั่งแถว 3 แต่จะเป็นบริเวณใส่สัมภาระแทน โดยรวมแล้วทั่วทั้งห้องโดยสารได้รับการออกแบบเพื่อปรับให้เข้ากับผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกที่นั่ง แต่พอมาเห็นแผงคอนโซลหน้าหลายคนรวมถึงผมอาจต้องร้อง "ยี้" เพราะพวกเราเบื่อสุดจะทนแล้วกับการตกแต่งแผงหน้าปัดและบริเวณอื่นๆ ด้วย "ลายไม้" ถ้าใครไม่ยี้ก็แสดงว่ายังชอบอยู่ พบได้ตามแผงคอนโซลหน้า พวงมาลัย และแผงประตูทุกบาน เบาะนั่งแบบมาตรฐานรถยนต์นั่งชั้นยอด เป็นหนังแท้ชั้นเยี่ยม พร้อมคุณสมบัติพิเศษคือ เบาะนั่งคู่หน้ามีระบบ Heater เพื่อความสาบายของผู้โดยสารตอนหน้า เลื่อนและปรับเอนได้ เบาะนั่งแถว 2 สามารถพับลงทั้งแถวได้ บริเวณกลางเบาะแถว 2 สามารถดึงเป็นที่พักแขนและกล่องใส่ของได้ ที่นั่งแถว 3 สามารถพับลงได้เมื่อไม่ใช้งาน อุปกรณ์อำนวยความสะดวก อาทิเช่น จอ LCD สำหรับระบบนำทางและระบบเพื่อความบันเทิง (อันนี้สำหรับโมเดลเกาหลีใต้เท่านั้น) เครื่องปรับอากาศ วิทยุ-เทป เครื่องเล่นซีดี กระจกไฟฟ้า ออโต้ไคลเมทคอนโทรล ราวจับด้านบนแบบสามารถพลิกได้ ฯลฯ เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายระดับนี้ แล้วท่านคิดหรือเปล่าครับว่าค่าตัวน่ะจะออกมาเท่าไหร่?

Sorento รุ่นที่ผลิตและจำหน่ายในเกาหลีใต้ทุกรุ่นจะใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาดเดียวคือ 2.4 ลิตร HPDI 16 วาล์ว แรงแบบเบาะๆ รีดกำลังม้าได้ 139 ตัว ที่ 5,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 19.6 กก.-ม. ที่ 2,600 รตน. ภาพเส้นกราฟนี้แสดงถึงพลังจากเครื่องยนต์เบนซินตัวที่ว่านี้นี่แหละครับ ส่วนสำหรับเครื่องยนต์ขุมพลัง V6 และเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล CRDi นั้น มีเฉพาะสำหรับรุ่นที่ส่งไปจำหน่ายต่างประเทศเท่านั้น

เครื่องยนต์ 3.5 ลิตร 6 สูบ กำลังสูงสุด 195 แรงม้า ที่ 5,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 30.0 กก.-ม. ที่ 3,000 รตน. ตีนต้นพอสบาย ตีนปลายให้กำลังจัดจ้านอย่างไม่น่าเชื่อ

เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล CRDi ขนาด 2.5 ลิตร เทอร์โบดีเซล กำลังสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 3,800 รตน. กำลังสูงสุด 32.0 กก.-ม. ที่ 2,000 รตน.  สำหรับตลาดยุโรป โอเชียเนีย อาฟริกา และอเมริกาใต้เท่านั้น

 

 

ระบบช่วงล่างด้านหน้า เป็นแบบอิสระปีกนกคู่ ติดคอยล์สปริง ด้านหลัง เป็นแบบมัลติลิงค์ ติดช็อคแก๊ส ระบบห้ามล้อของรถเป็นจานทั้ง 4 ล้อ พร้อมระบบผ่อนแรง และระบบเบรค ABS

สำหรับความปลอดภัย Sorento ก็มีให้อย่างครบเครื่อง ดังนี้

ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน: ไฟหน้าแบบใหม่ซึ่งสามารถส่องสว่างระยะไกลพิเศษ เพื่อความปลอดภัยสำหรับวิสัยทัศน์ผู้ขับขี่ ที่ฉีดล้างไฟหน้า ฉีดล้างทำความสะอาดไฟหน้ายามต้องการ เบรค ABS กระจกมองหลังแบบ ECM ช่วยให้ผู้ขับขี่มองมองมาที่กระจกมองหลังได้ทัศนวิสัยดีขึ้น และตรงจังหวะในการหลบเลี่ยงบนท้องถนนมากขึ้น กระจกไฟฟ้าและกระจกหลังคามูนรูฟแบบผลักกลับอัตโนมัติ กล่าวคือ เมื่อกระจกกำลังกระทำการปิดแล้วไปสัมผัสถูกมือหรือของกีดขวาง กระจกจะผละตัวกลับโดยอัตโนมัติทันที หมดปัญหาความผลีผลามกระจกหนีบ ไฟเบรคบริเวณเหนือกระจกท้ายรถ เพื่อความปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่ตามหลัง

ระบบความปลอดภัยเชิงแก้ไข: โครงสร้างนิรภัยจากวัตถุดิบชั้นดี ปกป้องเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ให้ผลดีหลังเกิดการชน ประกอบขึ้นรูปชิ้นเดียวไร้รอยต่อ ถุงลมนิรภัยคู่ และคานนิรภัยด้านข้าง

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของ Sorento สามารถปรับได้ 3 แบบคือ แบบขับขี่ปกติ 4x2 แบบขับเคลื่อนทั้ง 4 ล้อ 4x4 และแบบขับขี่โดยปรับสถานการณ์อัตโนมัติ โดยจะมีสวิทช์ปรับอยู่บริเวณใกล้พวงมาลัยรถ ปรับได้ด้วยมือ โดยระบบพวกนี้จะเรียกกันว่า Touch on the fly โดยผู้ขับขี่จะสามารถปรับระบบขับเคลื่อนของรถได้ในความเร็วต่ำถึงปานกลาง ขณะเดียวกันก็ไม่จำเป็นต้องหยุดรถ

ระบบนี้จะทำงานดังนี้ เมื่อเราต้องการจะปรับจาก 4x2 เป็น 4x4 โดยสวิทช์อีกตัวหนึ่งซึ่งปรับได้ทั้ง 2HI 4HI และ 4LO โดยรวมแล้วระบบทั้งระบบควบคุมด้วยสวิทช์ปรับเปลี่ยนในรถทั้ง 2 ตัว

ขณะเดียวกันที่ผู้ขับขี่ปรับเปลี่ยนไปต่างๆ ยังจะมีกลไก Shift on the Fly อยู่ชุดหนึ่งซึ่งทำหน้าที่ตอบสนองการปรับระบบขับเคลื่อนโดยผู้ขับขี่ เพื่อการดำเนินการขับเคลื่อนอย่างราบรื่น

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของ Sorento มีทั้งแบบ Part- Time 4WD และแบบ Full-Time 4WD ให้เลือก

Kia Sorento คันนี้ ถือได้ว่าเป็นพรีเมี่ยมเอสยูวีสมบูรณ์แบบระดับโลกได้ ก็เพราะเพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติที่ตรงใจคนยุคนี้ ทั้งรูปทรงที่ทันสมัยที่คำนึงถึงประโยชน์ของทั้งผู้ใช้และผู้พบเห็น ห้องดยสารที่โอ่โถง กว้างขวาง และเพียบพร้อม ตอบสนองตรงความต้องการของผู้ใช้ สมรรถนะสูงทุกเส้นทาง ระบบความปลอดภัยชั้นสูง และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ควบคุมได้ง่ายดาย ขณะนี้มีจำหน่ายทั่วโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับตัวแทนจำหน่ายในบ้านเรา ขณะนี้กำลังมีโครงการที่จะสั่งเข้ามาจำหน่ายด้วยในปีหน้า แต่ถ้าใครอยากเห็นแบบเต็มๆ ละก็ ปลายปีนี้พบ Kia Sorento ได้ที่งานแสดงรถยนต์ SIMTE 2002 ที่อิมแพค เมืองทองธานีครับ

เรื่อง/ภาพ : นายหัวเทียน

ข้อมูลจำเพาะ    กลับเมนูหลัก