ขอกล่าวถึงรายละเอียดของรถที่ผลิตจริงสักหน่อยนะครับ ทั้งหมดมีให้เลือก 5 รุ่นคือ ML230, ML270, ML320 และท็อปโมเดลอนุกรมใหม่ ML500 และท็อปโมเดลที่ถูกโมดิฟายแล้วเป็น ML55AMG โดยรวมแล้วทั่วโลกได้ลงความเห็นว่าเป็นเอสยูวีที่ให้ความปลอดภัยสูงสุดอย่างแท้จริง

เป็นพาหนะเพียงไม่กี่คันใน 4x4 Evolution 2 ที่มีการเน้นการตบแต่งภายในห้องโดยสาร ไม่ว่าจะเป็นที่นั่งและแผงคอนโซล แต่โดยรวมแล้ว ML500 มี 5 ที่นั่ง ไม่มีที่นั่งแถวที่ 3 การทำภายในก็จะเน้นความมีรายละเอียดใกล้เคียงเสมือนจริงเป็นสำคัญ

สำหรับการพิจารณาเพื่อทำการบรรจุรถคันนี้เข้าร่วมกลุ่มขบวนการขับสี่หน้าใหม่นั้น แน่นอนครับเราเปิดรับเสมอกับพาหนะเอนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 ล้อทุกรุ่น ทุกแบบ ไม่ว่าใหม่หรือเก่า รวมถึง ML500 คันนี้ ถือว่าเป็นพาหนะคันที่ 3 ที่ติดตราดาวสามแฉกและให้เราได้มีโอกาสขับกัน ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณ iroker.com อีกครั้ง และที่สำคัญ พาหนะคันนี้จะพบไม่ได้ใน KC's EVO2 Place ครับ

เป็นอันว่าเกม 4x4 Evolution 2 ก็มีรถที่ติดตราดาวสามแฉกไปแล้วสามรุ่น คือ Actros รถหัวลากซึ่งสามารถนำเอาจาก EVO1 มาใช้ใน EVO2 ได้, Unimog เจ้าเก่าจาก EVO1 ตรงจาก Screamer 4x4 และล่าสุดกับคันนี้ ML500 ยังไม่หมดเพียงแค่นั้นเพราะทาง iroker.com กำลังจวนเจียนจะทำ G-Class สามรุ่นสามตัวถังเสร็จแล้ว ทั้งแบบช่วงยาว แบบช่วงสั้น และเปิดประทุนครับ

"ไปไหนก็ได้" คือคุณสมบัติพื้นฐานของเอสยูวี

ภายในของ ML500 ที่ไม่ถูกมองข้ามการทำภายในเหมือนรถคันอื่นๆ

EXTREME CONDITIONS

ทดสอบที่สนาม Autumn Leaves, Arctic Wasteland, Tinhorn Junction และ Tri Baja 250 สี่สนามรวด ครบทุกรสสภาพถนน เสร็จจากเรื่องนี้เราก็จะใช้รถคันนี้ขับต่อไปเรื่อยๆ ในหลายสนามครับ

เริ่มต้นด้วย Arctic Wasteland เป็นที่แรกครับ ความที่น่าเป็นห่วงก็คือเวลาออกตัว เพราะรถหลายคันที่ออกตัวที่สนามนี้อาจต้องถอยหลังก่อนหรือไม่ก็วิ่งบนลู่หิมะไม่ได้เลย โดยเฉพาะพวกรถเพื่อการพาณิชย์ รถขับเคลื่อน 2 ล้อ แต่ ML 500 คันนี้ สามารถออกตัวได้โดยไม่มีการเคลื่อนตัวถอยหลัง ตีนต้นที่นี่อาจต้องย้ำกันแน่นหน่อยครับเพื่อให้รถออกตัวได้ จนถึงตีนปลายรถก็จะยังคงทรงตัวได้ดี เวลาเลี้ยวโค้งนั้นก็จะอาศัยการแตะเบรคเพื่อชะลอความเร็ว ในสนาม Arctic Wasteland นี้ ตลอดทางเป็นทางลู่หิมะ มีอยู่ช่วงหนึ่งซึ่งเป็นสะพานข้ามแบบใช้ตอม่อพาดเอา ช่วงนี้ต้องรีบชะลอความเร็วเพราะมีโค้งหักขวาเป็นรูปตัว U เพราะเป็นการข้ามไปอีกฟากแล้วข้ามกลับมาฟากเดิม ทางเลี้ยวมีเยอะมาก อาจต้องบังคับรถในความเร็วช้ากว่าปกติ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหารถหมุน เพราะตีนปลายของรถซึ่งรีดกำลังม้าได้ 631 ตัวเต็มๆ มีสิทธิ์ทำให้เกิดอาการดื้อโค้งได้ครับ

ต่อที่สนาม Autumn Leaves ซึ่งเป็นถนน 2 เลนเต็มไปด้วยใบไม้ร่วง ได้กลิ่นอายของชนบทเล็กๆ รวมความแล้วก็คืออากาศดี และสุภาพบุรุษบ้านในที่มาลองของบ้านนอกคันนี้ก็มาทดสอบครับ แต่โดยจะไม่ขับไปบนทางถนน เพราะจะขับไปนอกลู่บนดินชื้นใกล้ทะเลสาบแทน ทดลองเดินหน้า-ถอยหลัง บนเนินสลับ เพื่อวัดดูกำลังเครื่องยนต์ ก็เป็นอันว่า ML500 คันนี้สามารถถอยหลังขึ้นเนินได้แม้ลงเนิน และสามารถเร่งความเร็วเพื่อไต่ขึ้นเนินได้

ส่วนสนาม Tinhorn Junction ซิ่งได้ โค้งพอประมาณ ตลอดทางตรงสลับโค้งไม่ราบเรียบ มีลาดชันและกองหินโสโครกขวางทาง การควบคุมบังคับนั้นราวกับว่าพักนี้ยิ่งเร่งความเร็วสูงมากก็ยิ่งจะเร่งอาการดื้อทางลูกรัง เพราะเหยียบไปนานๆ เข้า จะทำให้รู้สึกว่าเริ่มเมื่อยแล้ว แต่การหลบเลี่ยงโขดหินก็ยังทำได้ดี

ว่าแล้วก็ต่อกันที่สนาม Tri Baja 250 แนวทะเลทรายสุดหฤโหด ทดสอบด้วยการวิ่งไปตามทางวิ่งที่กำหนด ซึ่งเป็นทรายร้อน มีผลต่อยางทุกเส้น ทั้งทราย หินโขด เนินชัน และเนินทราย ก็ถือว่าลุยได้อย่างท้าทายครับ แม้บางทีเวลาลุยหลุมทรายอาจมีการโย้ตัวของรถบ้าง แต่ก็เป็นปัญหาน้อยครับ

สนาม Arctic Wasteland รถที่ว่าเจ๋งจริง ก็ต้องมาแสดงความเจ๋งที่นี่

ทดลองขับบนสภาพทางดินชุ่มใบไม้ร่วงที่สนาม Autumn Leaves

สนาม Tinhorn Junction ก็เป็นอีกสนามที่ดัดแปลงจากเกม MTM2 ซึ่งขับมันส์ไม่แพ้กัน

สนามสุดหฤโหด ต้อง Tri Baja 250

ขับเคลื่อน : 4 ล้อตลอดเวลา

เครื่องยนต์ : 5.2 ลิตร 12 สูบ ติดซูเปอร์ชาร์จ กำลังสูงสุด 621 แรงม้า/6,800 รตน. แรงบิดสูงสุด 503 ปอนด์-ฟุต/865 รตน.

ขนาดและมิติรถ (นิ้ว.) : กว้าง 79.9 นิ้ว ยาว 231.4 นิ้ว สูง 80.4 นิ้ว ฐานล้อ 141.8 นิ้ว